วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อวิชชา ๘

อวิชชา หมายถึง ความไม่รู้, ความเขลาไม่รู้จริงในสิ่งต่างๆ ๔ ข้อต้น ท่านมุ่งถึงความไม่รู้ในอริยสัจ มี ๘ อย่าง คือ
๑.ไม่รู้จักทุกข์ คือ คนส่วนใหญ่เคยประสบกับทุกข์มาทั้งนั้น ทั้งทุกข์ทางกายที่เกิดจากปัจจัยภายนอก ( หนาว, ร้อน, หิว, กระหาย )หรือปัจจัยภายใน ที่เรียกว่า ทุกข์ประจำสังขาร ( ผมหงอก, ฟันหัก, หูพร่า, ตามัว ) และทุกข์ทางใจ ( เสียของรัก จากของชอบ ) แต่ไม่รู้จักทุกข์ตามความเป็นจริงว่าเป็นสิ่งทนได้ยาก
๒.ไม่รู้จักเหตุเกิดแห่งทุกข์ คือ ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ที่ทำให้เกิดทุกข์ เพราะส่วนใหญ่มัวแต่โทษว่า สิ่งอื่นหรือผู้อื่นสร้างทุกข์ให้กับตน โดยไม่ยอมเข้าใจว่า ที่เป็นทุกข์อยู่ทุกวันนี้ เกิดจากตัณหา ความทะยานอยากในใจของตน
๓.ไม่รู้จักทางความดับทุกข์ คือ เมื่อไม่รู้เหตุผลไม่ยอมรับว่า ตัณหาในจิตใจของตนต่างหากเป็นตัวให้เกิดทุกข์จึงไม่รู้ว่า หากจะดับทุกข์ได้อย่างสนิท ต้องดับตัณหานั้นเสียก่อน ทุกข์ถึงจะดับ
๔.ไม่รู้จักทางถึงความดับทุกข์ คือ ไม่รู้ถึงวิธีการที่จะทำให้ทุกข์ดับไป เพราะไม่รู้ว่าอริยมรรค ๘ เป็นแนวทางที่ผู้ปฏิบัติตามสามารถดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง
๕.ไม่รู้จักอดีต คือ ไม่รู้ผลชั่วที่ตนได้รับในปัจจุบันนี้ มีสาเหตุมาจากการทำความเลวไม่ดีมาก่อน อาจจะเป็นในอดีตชาติหรือในชาตินี้ คนพวกนี้มักมีความคิดว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เมื่อกรรมตามสนองในปัจจุบันวันนี้ จึงไม่รู้จักสืบสาวหาเหตุการณ์ที่ตนทำผ่านๆมา เรียกว่า ไม่รู้จักเหตุ
๖.ไม่รู้จักอนาคต คือ ไม่รู้ว่าความชั่วที่ตนทำในวันนี้ จะมีผลให้ตนได้รับทุกข์ยากลำบากในวันข้างหน้า คนพวกนี้ไม่เชื่อผลของกรรมว่ามีอยู่จริง จึงไม่สามารถคาดการณ์ถึงผลที่ตนจะต้องได้รับในอนาคต ได่อย่างถูกต้องตามความเป็นจริง เรียกว่า ไม่รู้จักผล
๗.ไม่รู้จักทั้งอดีตทั้งอนาคต คือ ไม่รู้จักผลชั่วที่ตนได้รับในปัจจุบัน ที่มีสาเหตุจากการทำชั่วแต่ครั้งอดีต แล้วยังตั้งหน้าตั้งตาทำความชั่วต่อไปไม่คิดกลับตัวกลับใจ เพราะถูกความไม่รู้ปิดบังปัญญาไว้ จึงทำให้ไม่เชื่อว่า กรรม และกฎแห่งกรรมมีจริง จึงต้องก้มหน้ารับผลกรรมชั่วต่อไปอย่างไม่รู้จบสิ้น เพราะไม่รู้จักเชื่อมโยงเหตุในอดีตและผลในอนาคตให้สืบเนื่องถึงกัน เรียกว่า ไม่รู้จักเหตุและผล
๘.ไม่รู้จักปฏิจจสมุปบาท คือ ไม่รู้จักความเป็นจริง ว่าสภาวะธรรมต่างๆ เป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน เนื่องกันไปเหมือนกับลูกโซ่ ที่เกี่ยวเนื่องกันเป็นสายฉะนั้น เมื่อไม่รู้เช่นนี้ จึงทำให้ต้องวนเวียนอยู่กับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างไม่รู้จบสิ้น
ธรรมวิภาค นักธรรมโท